กระเป๋าสตางค์สีเขียว – ถูกโฉลกกับผู้เกิดวันพุธ พฤหัส และวันศุกร์
ยุคนี้ต้องบอกว่า เทรนด์ในการเลือกใช้กระเป๋าสตางค์สีที่ถูกโฉลกตามวันเกิดกำลังมาแรงแบบสุด ๆ โดยมีความเชื่อว่าจะช่วยนำโชคลาภ และช่วยดูดทรัพย์มาให้แก่ผู้ใช้ โดยไม่สำคัญว่าจะเป็นกระเป๋าหนังแท้ หนังเทียม หรือกระเป๋าสตางค์แบบผ้าก็ถือว่าโอเค สำหรับผู้ที่เกิดวันพุธ วันพฤหัส และวันศุกร์แล้ว จะค่อนข้างถูกโฉลกกับกระเป๋าสตางค์สีเขียว โดยสีเขียวจะช่วยนำพาเรื่องโชคลาภ และความสเน่หามาให้แก่ผู้ใช้ ทำงานกิจการงานสำเร็จราบรื่นได้ดีด้วย มีเคล็ดลับเสริมอีกนิดนึง สำหรับผู้ที่ใช้กระเป๋าสตางค์สีเขียว คือให้เก็บเงินขวัญถุง เป็นแบงค์ 20 ที่ลงท้ายด้วยเลข 46 ติดกระเป๋าไว้ด้วย ก็จะช่วยเสริมด้านความหนักแน่น ความเชื่อมั่น และกำลังใจด้วยค่ะ
Tag: กระเป๋าสตางค์สีเขียว เกิดวันพุธ วันพฤหัส วันศุกร์ กระเป๋าสตางค์สีอะไรดี
สารพัดความเชื่อเกี่ยวกับ กระเป๋าสตางค์ รู้ไว้ไม่เสียหาย
อยากจะมีเงินมาก ต้องขยันเก็บขยันออม เพื่อสร้างอนาคตที่มั่นคงและมีฐานะด้วยตัวเองตั้งแต่เนิ่น ๆ แต่ถ้าเราใช้เงินเกินมือ หรือที่เรียกกันติดปากว่า ใช้เงินเหมือนกับกระเป๋าสตางค์รั่ว มีเท่าไรจ่ายออกไปเท่านั้น หลายๆคนก็จะมีเทคนิคในการเลือกซื้อกระเป๋าสตางค์ โดยอาศัยหลักการทางโหราศาสตร์เข้ามาช่วยด้วย โดยเชื่อว่า จะทำให้การเก็บออมเงินอยู่มือมากขึ้นกว่าเดิม อีกทั้งยังเพิ่มความโชคดี ความรวย ช่วยให้เงินทองไหลมาเทมา ซึ่งก็ถือเป็นเคล็ดลับที่น่าศึกษาไม่น้อย เพราะทำตามแล้วก็ไม่เสียหาย แถมยังมีโอกาสเพิ่มโชคเข้ามาให้กับตนเองด้วย จริงไหมคะ? มาดูกันดีกว่า ว่าความเชื่อในเรื่องของกระเป๋าสตางค์และความร่ำรวยของประเทศไทยที่ผ่านมา มีแบบไหนที่น่าสนใจและน่าลองเก็บไปทำตามกันบ้าง
1. เลขมงคลกับช่องในกระเป๋าสตางค์
กระเป๋าสตางค์มีให้เลือกซื้ออยู่มากมายหลากหลายแบบ ทั้งแบบพับแนวตั้ง พับแนวนอน มีทั้งกระเป๋าขนาดเล็ก และกระเป๋าสตางค์ขนาดใหญ่ ซึ่งในเรื่อง แบบ ของกระเป๋าสตางค์นั้น ก็มักจะเลือกซื้อตามลักษณะการใช้งาน และตามความพึงพอใจเป็นหลัก แต่จะเน้นไปที่การเลือกกระเป๋าสตางค์ที่มีช่องเก็บเงินในกระเป๋า รวมแล้วให้ได้ 8-9 ช่อง เพราะถือว่า เลข 8 และ เลข 9 เป็นเลขมงคลเสริมดวง เลข 8 หมายถึงความมั่งคั่งร่ำรวย ส่วนเลข 9 หมายถึงโชคลาภวาสนาและความสำเร็จ แต่ถ้ากระเป๋าที่คุณ ๆ ถูกใจ มีช่องใส่เงินเกินกว่า 9 ช่อง ก็จะใช้วิธีเลือกใส่เงินหรือใส่ของทั้งหมดเพียง 9 ช่องแทนก็ใช้ได้เหมือนกันค่ะ ส่วนช่องที่เหลือ ก็ให้ปล่อยไว้ว่าง ๆ ไม่ต้องใส่อะไรลงไปเลย
2. กระเป๋าสตางค์ฉีก เงินทองรั่วไหลง่าย
ความเชื่อเรื่องของกระเป๋าสตางค์เสริมดวง ที่มักถือกันมาตลอดก็คือ ถ้าเป็นไปได้อย่าใช้กระเป๋าสตางค์ที่หลุดลุ่ยฉีกขาด ถึงจะรักและใช้งานกันมานาน ก็ต้องตัดใจ มองหากระเป๋าสตางค์คู่ใจใบใหม่มาแทน เพราะนอกจากในเรื่องของเคล็ดที่กระเป๋าชำรุดจัดว่าไม่เป็นมงคล อาจส่งผลให้เงินทองรั่วไหล เก็บเงินไม่อยู่ แล้ว ในความเป็นจริง ก็อาจจะทำให้เงิน หรือเหรียญตกออกจากกระเป๋าไปได้ด้วย นอกจากนี้ก็ควรดูแลตัวกระเป๋าให้สะอาด จัดระเบียบธนบัตรให้หยิบใช้ง่าย โดยเชื่อว่า จะช่วยให้โชคด้านการเงินเพิ่มขึ้น ความเชื่ออีกอย่างก็คือ พยายามเลี่ยงการใช้กระเป๋าสตางค์มือสอง นอกจากว่าจะเป็นกระเป๋าสตางค์ของเจ้านาย ที่มีตำแหน่งสูงและมั่งคั่ง คนสมัยก่อน มักจะชอบขอ กระเป๋าสตางค์ใบเก่าที่ยังดูดี นำมาใช้เสริมดวงเรา ซึ่งก็ถือเป็นเคล็ดอย่างหนึ่งที่คนไทยชอบใช้กัน
3. เก็บเงินขวัญถุงติดกระเป๋าเอาไว้ไว้เสมอ อย่าปล่อยให้กระเป๋าสตางค์ว่างเปล่า
ถึงแม้ทุกวันนี้เงินเดือนน้อยนิด ใช้เงินแบบเดือนชนเดือนเป็นประจำ เรื่องการเงินเก็บออมเงินไว้ไม่ต้องพูดถึง แค่มีเงินพอใช้ให้ครบเดือนก็หนักหนาสาหัสแล้วก็ตามที แต่ว่าอย่างน้อยควรเก็บเงินขวัญถุงไว้ในกระเป๋าสตางค์ไว้บ้าง จำนวนมากหรือน้อยไม่สำคัญ โดยเงินที่นิยมนำมาเป็นเงินขวัญถุงติดกระเป๋านั้น มักจะเป็นเงินจากซองอั่งเปา หรือเงินจากงานมงคลต่างๆ เก็บเอาไว้ให้เป็น “เงินขวัญถุง” ด้วยความเชื่อว่าจะนำโชคดี ทำให้กระเป๋าตุงตลอดเวลา มีเงินใช้ไม่ขาด ความเชื่อเรื่องเงินขวัญถุงติดกระเป๋านั้น เชื่อว่า จะทำให้ทำกิจการอะไรก็รุ่งเรือง ทำให้มีเงินทองไหลมาเทมา โชคลาภมีขึ้นอย่างไม่ขาดระยะ เงินขวัญถุงมักจะเก็บเงินจำนวนไม่มาก อาศัยว่าเป็นเงินมงคล บางคนก็จะนิยมเก็บเงินขวัญถุงที่พ่อแม่ให้ติดตัวไว้ ก็ทำให้เวลาดูแล้ว มีแรงใจต่อสู้กับงาน และอดทนฝ่าฟันไปได้อย่างไม่สิ้นหวัง
4. พับธนบัตรเป็นรูป “ฮู้”
การเก็บเงินขวัญถุง พกติดตัวไว้ในกระเป๋าธนบัตร ไม่ใช่ว่าจะใส่ไว้ในกระเป๋าสตางค์เฉยๆ เลยนะคะ ส่วนใหญ่จะนำมาพับเป็นรูปสามเหลี่ยมคล้ายยันต์ของจีนที่เรียกว่า “ฮู้” ซึ่งเชื่อกันว่า เป็นเครื่องรางของขลัง มีคุณด้านให้โชคลาภ เรียกทรัพย์สมบัติเข้ากระเป๋า อย่าลืมตั้งจิตอธิษฐานขอพรเป็นกำลังใจให้ขยันทำมาหากิน เพื่อให้อนาคตมีเงินทองไหลมาเทมากันไม่ขาดระยะ
5. อย่าอัดบัตรต่างๆ ไว้จนกระเป๋าตุง
หลายคนเก็บทั้งนามบัตร บัตรเอทีเอ็ม บัตรเครดิต บัตรส่วนลดตามห้องอาหาร และยังมีบัตรต่างๆ ใส่กระเป๋าสตางค์ไว้เต็มไปหมด ซึ่งตามหลักความเชื่อแล้ว กระเป๋าสตางค์จะต้องเอาไว้เก็บสตางค์เพียงอย่างเดียว หากใส่บัตรต่างๆ ไว้แน่น จะทำให้เก็บเงินไม่อยู่ และเงินก็จะไม่ไหลเข้า เคยสังเกตุไหมคะว่า หลาย ๆ คนที่มีความเชื่อเรื่องนี้ มักมีกระเป๋าสำหรับเก็บบัตรอีก 1 ใบ เพื่อนำมาใช้เก็บบัตรติดกระเป๋าต่าง ๆ เช่น บัตรประชาชน บัตรพนักงาน ซึ่งแนวทางนี้ ก็ยังเป็นการช่วยจัดระเบียบของใช้จำเป้นต่าง ๆ ให้เรียบร้อย หยิบใช้ก็สะดวก หาง่าย ไม่ปะปนกันด้วย
6. แยกกระเป๋าสำหรับใส่เหรียญไว้ต่างหาก
เรื่องเกี่ยวกับเศษเหรียญนั้น ก็มีความเชื่อที่เกี่ยวกับการเก็บเงินเหรียญเช่นกัน โดยจะไม่นิยมใส่เศษเหรียญรวมไว้ในกระเป๋าสตางค์ เพราะเชื่อว่า จะสกัดธนบัตรไม่ให้ไหลเข้ากระเป๋า ซึ่งในกระเป๋าสตางค์นั้น นอกจากธนบัตรแล้ว ควรเลือกที่จะพกเครื่องรางประจำตัว ไว้เป็นของขลังช่วยดูดทรัพย์ดีกว่า การเลือกพกธนบัตรเป็นเงินขวัญถุง ที่เหมาะกับปีนักษัตรก็ได้รับความนิยมไม่น้อย โดยจะเป็นการพกธนบัตรตามปีนักษัตรของไทยเรา ซึ่งแต่ละปีก็จะแตกต่างกันออกไป ดังนี้
- ปีชวด ธนบัตร 20 บาท ลงท้ายด้วยเลข 7
- ปีฉลู ธนบัตร 50 บาท ลงท้ายด้วยเลข 2
- ปีขาล ธนบัตร 20 บาท ลงท้ายด้วยเลข 5
- ปีเถาะ เลือกพกธนบัตร 100 บาท ลงท้ายด้วยเลข 6
- ปีมะโรง ธนบัตร 50 บาท ลงท้ายด้วยเลข 3
- ปีมะเส็ง ธนบัตร 100 บาท ลงท้ายด้วยเลข 4
- ปีมะแม เลือกพกธนบัตร 50 บาท ลงท้ายด้วยเลข 1
- ปีมะเมีย ธนบัตร 20 บาท ลงท้ายด้วยเลข 6
- ปีวอก ธนบัตร 20 บาท ลงท้ายด้วยเลข 4
- ปีระกา เลือกพกธนบัตร 50 บาทลงท้ายด้วยเลข 9
- ปีจอ เลือกพกธนบัตร 100 บาท ลงท้ายด้วยเลข 0
- ปีกุน เลือกพกธนบัตร 50 บาทลงท้ายด้วยเลข 4
7. กระเป๋าสตางค์ควรมีซิปให้เก็บเงินอยู่
กระเป๋าสตางค์ที่ดีควรมีซิปช่วยให้เก็บเงินอยู่ หรืออีกแง่หนึ่งก็คือ เพื่อช่วยเก็บเงินทองรวมถึงของมีค่าให้ปลอดภัย ไม่ตกหล่นง่ายนั่นเอง