ลู่วิ่งไฟฟ้า 4 ยี่ห้อ ที่มีรีวิวว่าดีและคุ้มค่าที่สุดในวันนี้

ลู่วิ่งไฟฟ้า 4 ยี่ห้อ ที่รีวิวดี คุ้มค่าราคา (Update 2023) 

ลู่วิ่งไฟฟ้า แต่ก่อนที่ยังไม่ได้มีลู่วิ่งขายออนไลน์กันเกลื่อนแบบสมัยนี้ ราคาของลู่วิ่งไฟฟ้าออกกำลังกายไม่ใช่ธรรมดาเลย เครื่องนึงมีราคาสูงถึง 7-8 หมื่นบาททั้งนั้น เดี๋ยวนี้เห็นราคาหมื่นต้น ๆ แถมยังเชื่อมต่อกับแอป คำนวณและวางแผนการซ้อมการวิ่งได้อีกด้วย ถือว่าเป็นโชคดีที่เทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว จนทำให้เราหาลู่วิ่งดี ๆ สักตัวมาออกกำลังกายที่บ้านได้ โดยไม่ต้องลงทุนมากนัก

   4 ลู่วิ่งออกกำลังกายราคาถูก คุ้มค่าคุ้มราคา   

 

  1   ลู่วิ่งไฟฟ้า Power Reform รุ่น Hurricane

 

ลู่วิ่งไฟฟ้า ยี่ห้อ power reform รุ่นนี้เป็นรุ่นที่คนนิยม และคุ้มค่ามากที่สุดรุ่นหนึ่งเลยก็ว่าได้ เพราะด้วยราคาเพียงหมื่นต้น ๆ แต่จะได้รับลู่วิ่งไฟฟ้า ที่มีมอเตอร์ถึง 3 แรงม้า แถมสามารถเชื่อมต่อ App เทรนเนอร์ทางมือถือผ่านทาง Bluetooth ได้อีกด้วย นอกจากนี้ตัวลู่วิ่งยังมีโช้คคู่รองรับแรงกระแทก เพื่อลดแรงกระแทกขณะซ้อมวิ่ง ทำให้ลดอาการปวดหัวเข่าได้เป็นอย่างดี

ตัวเครื่องสามารถปรับความเร็วสูงสุดได้ถึง 16 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เหมาะกับสายฟิตเนส หรือผู้ที่ต้องการออกกำลังกายลดน้ำหนัก รวมถึงกำลังรีดไขมันอย่างจริงจัง การที่เชื่อมต่อ App พร้อมโปรแกรมฝึกได้ จะช่วยให้การวิ่งบนลู่วิ่งไฟฟ้าของคุณไม่น่าเบื่ออีกต่อไป สามารถทำต่อเนื่องได้นาน เพราะมีเป้าหมายระยะสั้นอยู่ตลอดเวลา

คุณสมบัติ

  • ความเร็วสูงสุด 16 กิโลเมตร/ชั่วโมง
  • ปรับความชันได้ 3 ระดับ สูงสุด 5 องศา
  • รองรับ App เทรนเนอร์ ออกแบบตารางฝึกวิ่งทางมือถือ และรองรับ mp3
  • ความกว้าง 71 เซนติเมตร
  • น้ำหนักของผู้วิ่งสูงสุด: 100 กิโลกรัม

ร้านค้า: To Fit To Firm

  2   ลู่วิ่งไฟฟ้า Power Reform รุ่น Apache

 

Power-Reform-รุ่น-Apache 2

เป็นลู่วิ่งไฟฟ้าอีกตัวที่ใช้ดีเช่นกัน โดยจะแตกต่างจากรุ่นแรกอยู่พอสมควร คือลู่วิ่งไฟฟ้าตัวนี้จะไม่มีโช้ครองรับแรงกระแทกมาให้ และจะมีแรงม้าน้อยกว่าตัวบนอยู่นิดหน่อย ซึ่งก็คือ 2.5 แรงม้า ซึ่งลู่วิ่งไฟฟ้า Apache จะมีค่าตัวถูกกว่าอยู่ประมาณ 1600 – 2000 บาท ซึ่งตรงนี้ก็อยู่ที่งบประมาณด้วย ถ้าเพิ่มงบไหว ไปตัวที่มีโช้ค และขนาด 3 แรงม้า จะใช้งานได้สบายกว่าพอสมควร

คุณสมบัติอื่น ๆ

  • ความเร็วสูงสุด 14 กิโลเมตร/ชั่วโมง
  • ใช้ App เทรนเนอร์ส่วนตัว ผ่าน Bluetooth ได้ รองรับ mp3 ผ่านมือถือ
  • ปรับความชันได้ 3 ระดับ คือ 0,3 และ 5 องศา
  • น้ำหนักของผู้วิ่งที่รับได้: 110 กิโลกรัม

ร้านค้า: To Fit To Firm

  3   ลู่วิ่งไฟฟ้า King Fitness รุ่น KF-DK32S

 

ลู่วิ่งไฟฟ้ายี่ห้อ King Fitness รุ่นนี้ เป็นอีกตัวที่สูงสีกับลู่วิ่งของ power reform ด้านบน มีระบบโช้คคู่ ช่วยในการดูดซับแรงกระแทกเวลาวิ่งได้ สามารถเชื่อมต่อ Bluetooth ด้วย Application ได้ สามารถเก็บข้อมูลการวิ่งเพื่อวางแผนการออกกำลังกายได้เป็นอย่างดี

ลู่วิ่งไฟฟ้าของ King Fitness รุ่น KF-DK32S สามารถรองรับน้ำหนักได้สูงสุด 110 กิโลกรัม โดยสามารถได้สปีดความเร็วสูงสุดที่ 16 กิโลเมตร/ชั่วโมง รวมถึงสามารถปรับความชันได้ 3 ระดับ ซึ่งโดยรวมแล้ว ถือเป็นลู่วิ่งไฟฟ้าที่ครบเครื่องตัวหนึ่ง ในราคาเบา ๆ เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจจะหันมาออกกำลังกายที่บ้าน ทั้งนี้ตัวลู่วิ่งไฟฟ้า King Fitness นี้ จะมีการรับประกันมอเตอร์ให้ถึง 7 ปี เรียกว่าใช้กันคุ้มเลย

คุณสมบัติอื่น ๆ ของลู่วิ่งไฟฟ้า King Fitness รุ่น KF-DK32S

  • กำลังมอเตอร์: 3 แรงม้า
  • รองรับความเร็วสูงสุด 16 กิโลเมตร/ชั่วโมง
  • ปรับความชันได้ 3 ระดับ 0, 3 และ 5 องศา
  • แถมฟรี App ออกกำลังกาย เชื่อมต่อผ่าน Bluetooth
  • มีโช้คลดแรงกระแทก
  • รับประกันตัวเครื่อง 1 ปี รับประกันมอเตอร์ลู่วิ่ง 7 ปี

จำหน่ายโดย: King Fitness Shop

  4   ลู่วิ่งไฟฟ้า Power Reform แบบมีบาร์จับ สำหรับผู้สูงอายุ รุ่น Wisdom

ลู่วิ่งไฟฟ้า ของ power reform รุ่นนี้ ออกแบบมาเพื่อสูงอายุ หรือผู้ที่ต้องการทำกายภาพบำบัดโดยเฉพาะ เพราะใส่โครงบาร์จับที่ยึดมาอย่างดี มีความกว้างของช่วงเดิน (ไม่รวมฐานลู่วิ่ง) ประมาณ 34 เซนติเมตร ซึ่งพอเหมาะกับการเดิน เดินเร็ว หรือวิ่งเบา ๆ และความกว้างที่พอดีแบบนี้ ทำให้สามารถใช้ราวเกาะได้อย่างง่าย ไม่ไกลมือจนเกินไป โดยเฉพาะสำหรับผู้สูงอายุ

ตัวมอเตอร์มีกำลัง 1 แรงม้า ปรับความเร็วสูงสุดได้ประมาณ 8 กิโลเมตร/ชั่วโมง ซึ่งถือว่ากำลังดีสำหรับการเดิน หรือวิ่งเหยาะ ๆ คือถ้าเป็นวัยรุ่นใช้เอง ให้มองข้ามรุ่นนี้ แล้วจิ้มไปที่ 3 รุ่นแรกดีกว่า แต่ถ้าเน้นในการกายภาพบำบัด หรือในบ้านมีผู้สูงอายุเดินด้วย ความเร็ว 8 กิโลเมตร/ชั่วโมง ถือว่าเกินพอแล้ว นอกจากนี้ยังมีระบบเซฟตี้คีย์ สามารถดึงสายเพื่อหยุดการทำงานของเครื่องได้ทันที ซึ่งโดยรวมแล้วถือว่าเหมาะสำหรับบ้านที่มีผู้สูงอายุเป็นอย่างยิ่ง ด้วยราคาที่ไม่แพง และทำให้สามารถออกกำลังกายได้ทุกวัน ถือเป็นประโยชน์ที่คุ้มค่าที่สุด

จำหน่ายโดย: To Fit To Firm

ลู่วิ่งไฟฟ้าทั้ง 4 รุ่นที่นำมาแนะนำวันนี้ ค่อนข้างจะเป็นรุ่นที่คุ้มค่า และมีผู้ใช้งานเยอะเป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศ ถ้าคุณเคยได้เดินดูพวกลู่วิ่งตามร้านจำหน่ายอุปกรณ์กีฬาตามห้าง จะเห็นได้ว่า ฟังก์ชั่นการใช้งานของรุ่นที่แพง ๆ ตามห้าง ยังด้อยกว่าลู่วิ่งไฟฟ้าด้านบนหลายอย่าง เช่น ถ้าจะหาลู่วิ่งไฟฟ้าที่มอเตอร์กำลัง 3 แรงม้า อาจจะมีราคาพุ่งไปถึงเกือบ 3 หมื่น อีกทั้งยังไม่สามารถเชื่อมต่อแอพ เพื่อเก็บข้อมูลการวิ่งการฝึกซ้อมได้อีกด้วย

Tag: KF-DK32S ดีไหม ลู่วิ่งไฟฟ้า power reform รุ่นไหนดี ลู่วิ่งไฟฟ้า hurricane apache treadmill horizon pantip treadmill

ลู่วิ่งไฟฟ้าดีไหม

   ออกกำลังกายด้วยลู่วิ่งไฟฟ้ายังไงให้ได้ผลที่สุด   

ลู่วิ่งไฟฟ้า เป็นเครื่องวิ่งออกกำลังกาย ที่เชื่อว่าเกือบครึ่งของคนที่ซื้อไป จะไปจบลงที่แปลงร่างตัวมันเป็นราวตากผ้าอยู่เสมอ บ้างอาจจะเป็นเพราะว่าวิ่งไปเดือนนึงแล้วไม่เห็นผลลัพธ์ บ้างอาจจะเป็นเพราะเหนื่อยและท้อไปก่อน บ้างก็อาจจะมีอาการเจ็บกล้ามเนื้อ ดังนั้นแล้ว เราจึงได้รวบรวมวิธีการใช้งานลู่วิ่งไฟฟ้า หรือเครื่องวิ่งออกกำลังกายที่ซื้อมานี้ ให้เกิดประโยชน์ และสามารถวิ่งออกกำลังกายได้อย่างสม่ำเสมอ คุ้มค่ากับราคาที่ซื้อมา

1. ไม่จำเป็นต้องหักโหม

หลาย ๆ คนที่เริ่มมาออกกำลังกายใหม่ ตั้งเป้าหมายใหม่ มักจะมีแรงฮึดมากจนเกินพอดี ทำให้การวิ่งบนลูวิ่งไฟฟ้าในช่วง 3-7 วันแรก เป็นไปอย่างมากเกินไป เรียกว่าเดินหรือวิ่งจนหมดแรงทุกวัน ซึ่งการเริ่มต้นออกกำลังกายอย่างหักโหมเช่นนี้ จะทำให้ร่างกายมีอาการเหนื่อยล้าได้ง่าย และในที่สุดก็จะทำให้เบื่อและท้อเร็วกว่าปกติ ดังนั้นแล้ว

ในระยะแรกของการเดินบนลู่วิ่งไฟฟ้า ควรจะเริ่มแต่น้อย เน้นความสม่ำเสมอเป็นหลัก การปรับระดับความเร็วนั้น ในระยะแรกควรที่จะปรับความเร็วให้ช้าหน่อย เหมือนกับการเดินเร็ว ซึ่งจะทำให้ร่างกายไม่เหนื่อยล้ามากเกินไป ในวันแรก ๆ หากคุณไม่เคยออกกำลังกายมาก่อน ควรจะเดินหรือวิ่ง เพียง 20-30 นาทีเท่านั้น ให้ร่างกายใช้เวลาปรับสภาพจนผ่านอาทิตย์แรกไปได้เสียก่อน จากนั้นจึงค่อย ๆ เพิ่มความเร็ว รวมถึงเพิ่มระยะเวลา ระยะทาง ในภายหลัง

2. วอร์มอัพ และคูลดาวน์เสมอ

ก่อนออกกำลังกายทุกครั้ง การวอร์มอัพ รวมทั้งการยืดเส้นยืดสาย จะเป็นการป้องกันการบาดเจ็บได้ดีที่สุด โดยเฉพาะเมื่ออายุเข้าสู่เลข 3 เลข 4 แล้ว ควรให้ความสำคัญกับการยืดเหยียดกล้ามเนื้อก่อนออกกำลังกายให้มากขึ้น ก่อนเดินหรือวิ่ง ควรที่จะยืดเส้นน่องเส้นขาให้พร้อมซักนิดหนึ่ง แล้วค่อยเริ่มจากการเดินช้า-ปานกลาง ซัก 5 นาที จากนั้นจึงเริ่มการออกกำลังกาย

และนอกจากนี้ หลังจากวิ่งมาเร็ว ๆ เหงื่อแตกผลั่ก ๆ แล้ว เวลาจะเลิก ก็ไม่ควรที่จะเลิกในทันที แต่ควรจะปรับเป็นการเดินช้า ๆ ทอดน่องไปสัก 5 นาทีก่อนจบ ถ้าเป็นไปได้ ก็ยืดกล้ามเนื้อหลังเดินเสร็จอีกสักแป้บนึง ซึ่งจะเป็นการถนอมร่างกายของคุณ ช่วยลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บได้มากเลยทีเดียว

3. อย่าลืมจัดวันพักให้ตัวเองด้วย

สำหรับการออกกำลังกาย สิ่งที่ควรให้ความสำคัญไม่แพ้กันก็คือการพัก  ในแต่ละอาทิตย์ ควรจะมีวันพัก 1-2 วัน เพื่อให้กล้ามเนื้อได้พักผ่อน อาจจะเป็นพักกลางสัปดาห์ หรือหยุดพักทุก 3 วัน ก็แล้วแต่ว่าสะดวกแบบไหน ซึ่งการออกกำลังกายแบบมีวันพัก จะช่วยให้คุณรักษาระยะเวลาในการออกกำลังกายไปได้นานขึ้น ทำให้เกิดความเบื่อหน่ายน้อยลง และยังลดความเสี่ยงที่จะเกิดอาการ overtrain หรือสภาวะที่ร่างกายอยู่ในอาการตึงเครียดเกินไปได้เป็นอย่างดี

4. ตั้งเป้าหมายเล็ก แต่นาน

ไม่มีอะไรที่จะดีไปกว่าการปฏิบัติแต่น้อย แต่ปฏิบัติไม่เลิก กระต่ายยังแพ้เต่าฉันท์ใด การออกกำลังกายวันละนิดแต่ปฏิบัติไปตลอดย่อมจะดีกว่าฉันท์นั้น เชื่อว่าแทบจะทุกคนที่ตัดสินใจซื้อลู่วิ่ง มีความตั้งใจอย่างแรงกล้า ไม่ว่าจะเพื่อการลดน้ำหนัก เพื่อรักษาสุขภาพ เพื่อรักษาโรคต่าง ๆ ไม่ว่าจะความดันสูง เบาหวาน ฯ แต่หลายครั้งมักจะจบลงที่การเลิกวิ่งลู่วิ่งไปเลย ส่วนหนึ่งก็เกิดจากตั้งเป้าหมายระยะสั้นไว้มาก เช่นจะต้องลดน้ำหนัก 5 กิโลให้ได้ภายใน 1 เดือน ฯ ซึ่งตรงนี้จะทำให้เกิดความกดดันในการออกกำลังกายมาก และจะทำให้เราเกิดความเบื่อหน่ายและท้อได้ง่าย ๆ

ดังนั้นถ้าเป็นไปได้ ลองปรับแนวคิดเป็นว่า เดินไปเรื่อย ๆ แล้วกัน คิดว่าเป็นการเดินแก้เซ็งไปวัน ๆ ให้ร่างกายได้ขยับตัวบ้าง อย่างน้อยมันก็ทำให้กินคล่อง นอนคล่อง ซึ่งบอกได้เลยว่า ถ้าคุณเดินหรือวิ่งบนลู่วิ่งไฟฟ้าได้สัก 1 ปีขึ้นไปแล้ว เรื่องสุขภาพคงไม่ต้องพูดอะไรมาก ยังไงก็ต้องดีขึ้นแน่ ๆ อยู่แล้ว และส่วนเรื่องน้ำหนัก ยังไงหุ่นก็ต้องดีขึ้นอย่างแน่นอน

5. ทีวีและมือถือ

ข้อนี้คงต้องบอกว่า ถ้าเป้าหมายของคุณคือการออกกำลังกายเพื่อรักษาสุขภาพ การจะดูทีวีไปด้วย เล่นสมาร์ทโฟนไปด้วย อาจจะไม่ใช่เรื่องใหญ่มาก ระวังแค่จะเกิดอันตรายระหว่างตอนเดินอย่างเดียวก็พอ แต่ถ้าเป้าหมายคือการลดน้ำหนัก ทีวีและมือถืออาจจะทำให้การเดินบนลู่วิ่งไฟฟ้าของคุณ ได้ผลได้ไม่เต็มประสิทธิภาพเท่าที่ควร เพราะคุณอาจจะออกกำลังกายได้ไม่เต็มที่ รวมถึงปรับระดับความเร็วช้าลงกว่าที่ควรจะเป็น เรียกว่า เดินเสร็จ เหงื่อยังไม่ซึมเลย แบบนี้ก็จะทำให้เป้าหมายในการลดน้ำหนักเป็นไปได้ยากขึ้น และอาจจะทำให้ท้อได้ง่าย

ทางที่ดีควรเลือกเป็นหูฟังสักอัน ลิสเพลงโปรดสัก 1 ชั่วโมง แค่นี้ก็จะทำให้การเดินผ่านไปอย่างมีความสุข และยังได้ประโยชน์แบบเต็มอัลบั้มอีกด้วย


การออกกำลังกายด้วย ลู่วิ่งไฟฟ้า หรือ เครื่องวิ่งออกกำลังกาย เป็นตัวเลือกที่เรียกว่าดีมากเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าเป้าหมายของคุณคือการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น เสริมสร้างกล้ามเนื้อ หรือเพื่อการลดน้ำหนักก็ตาม เพราะเราไม่จำเป็นต้องสนใจสภาพดินฟ้าอากาศ ไม่ต้องสนใจเวลา ว่าเราจะเดินตอนดึกแค่ไหน ไม่ต้องสนใจว่าจะแต่งตัวอย่างไร ไม่ต้องกลัวรถเฉี่ยวชน หลับตาไปเดินไปก็ยังได้ ขอเพียงแค่ก้าวไปไม่หยุดก็เพียงพอแล้ว และนอกจากลู่วิ่งไฟฟ้าแล้ว ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน และโดยเฉพาะถ้าบ้านมีผู้สูงอายุอยู่ด้วยแล้ว จักรยานออกกำลังกาย หรือ spinbike ก็ดูจะเป็นตัวเลือกที่สูสีกันไม่น้อยเลยทีเดียว

และสำหรับผู้อ่านที่มีคำถามว่า จะซื้อลู่วิ่งไฟฟ้ายี่ห้อไหนดี ก็หวังว่าบทความนี้จะช่วยตอบคำถามได้บ้าง โดยในการเลือกซื้อลู่วิ่งไฟฟ้า หรือเครื่องวิ่งออกกำลังกายนี้ สิ่งที่ควรคำนึงถึง ก็คือจุดประสงค์ของการซื้อลู่วิ่งของผู้อ่านเองเป็นหลัก เช่น ถ้าต้องการจะซื้อลู่วิ่งไฟฟ้ามาใช้สำหรับทุกคนในครอบครัว และมีผู้สูงอายุอยู่ด้วย ก็ควรจะมองไปที่ลู่วิ่งที่มีโช้ครับแรงกระแทก ถ้าคนที่มีน้ำหนักตัวมาก ก็ควรจะพิจารณาเรื่องของแรงม้า ซึ่งก็คือควรใช้เครื่องที่มี 3 แรงม้าขึ้นไป ในส่วนของฟังก์ชั่นเสริมอื่น ๆ ที่วัดค่าได้ต่างๆนาๆ นั้น ถ้างบประมาณมีจำกัดแล้ว ก็ไม่จำเป็นจะต้องไปสนใจอะไรเลย เพราะมีหรือไม่มี ก็เดินได้ดีเหมือนกันนั่นเอง