กลิ่นตัวแรง ถือว่าเป็นปัญหาใหญ่สำหรับทั้งคุณผู้ชายและผู้หญิง ทำให้มีปัญหาในการเข้าไปอยู่ในกลุ่มสาธารณะ หรือการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คน และที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือ เจ้าของกลิ่นตัวมักจะไม่ได้กลิ่นอันไม่พึงประสงค์ของตัวเองอีกซะด้วย
ซึ่งวิธีการแก้ไขปัญหากลิ่นตัวแรง ก็ถือว่าเป็นปัญหาใหญ่ระดับชาติ บางคนมีกลิ่นตัวแรงไม่มาก เพิ่มน้ำหอมสักหน่อยก็อาจจะเอาอยู่ แต่บางคนยิ่งพรมน้ำหอมไปก็ยิ่งทำให้แย่ลงยิ่งกว่าเดิม วันนี้เราลองมาดูกันดีกว่าว่า กลิ่นตัวแรงเกิดจากอะไรกันแน่ แล้วเราจะแก้ปัญหากลิ่นตัวนั้นได้อย่างไรบ้าง
กลิ่นตัวแรงเพราะอะไร เกิดจากอะไรกันแน่?
สาเหตุที่ทำให้กลิ่นตัวแรง เหตุผลหลักจะเกิดจากการที่เหงื่อ ทำปฏิกิริยากับเชื้อแบคทีเรีย จึงทำให้เกิดเป็นกลิ่นตัวขึ้นมา
ร่างกายคนเราจะผลิตเหงื่อออกมา 2 ประเภท ได้แก่
- Eccrine จะเป็นการขับเหงื่อออกจากร่างกายเพื่อลดอุณหภูมิ เป็นต่อมเหงื่อธรรมดา ที่อยู่ตามแขนขา ลำตัว หรือแผ่นหลังของคนเรา เป็นเหงื่อที่ออกมา เพื่อช่วยปรับอุณหภูมิในร่างกายเวลาที่เจออากาศร้อน หรือเจอกับอุณหภูมิที่สูงขึ้นอย่างฉับพลันเช่นเวลาออกกำลังกาย เหงื่อประเภทนี้จะไม่มีกลิ่นเหม็นแต่อย่างใด
- Aprocrine เหงื่อที่ออกมาจากต่อมที่ชื่อว่า Apcocrine sweat gland โดยต่อมเหงื่อประเภทนี้จะอยู่บริเวณรักแร้ ขาหนีบ ใบหู ใต้ราวอก ท้ายทอย มีลักษณะเป็นเม็ดใส มีความเหนียวเหนอะหนะ เหงื่อที่ผลิตออกมาจากต่อม Aprocrine จะมีส่วนผสมของไขมันและโปรตีน ซึ่งนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดกลิ่นตัวแรง เนื่องจากทำให้เกิดปฏิกิริยากับเชื้อแบคทีเรียได้ง่าย โดยเฉพาะเวลาที่ทานอาหารรสจัด กลิ่นแรง ก็จะพบว่ากลิ่นตัวแรงขึ้นกว่าเดิม
🤧 สาเหตุที่ทำให้คุณมีกลิ่นตัวแรงมากกว่าปกติ
1. ทำความสะอาดมากเกินไป
หลายคนที่รู้ตัวว่ามีกลิ่นตัวแรงเล็กน้อย ก็จะพยายามที่จะทำความสะอาดร่างกายให้มากขึ้น ใช้สบู่ต้านแบคทีเรีย ใช้ผลิตภัณฑ์หลากหลายเพื่อทำความสะอาดร่างกายให้ปราศจากแบคทีเรีย แต่นั่นก็อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ผิวของคุณแห้งและแตก ร่างกายเองก็ดันมีความฉลาดเกินไปเสียอีก โดยร่างกายจะพยายามสร้างเหงื่อออกมาให้มากขึ้นเพื่อต่อสู้กับผีที่แห้งและขาดความชุ่มชื้น
ดังนั้นหากคุณเป็นคนหนึ่งที่ทำความสะอาดผิวมากเกินไป สิ่งหนึ่งที่ควรจะทำก็คือการบำรุงโลชั่น เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวหนัง เพราะถ้าปล่อยให้ผิวแห้งจนเกินไป ก็จะยิ่งทำให้กลิ่นตัวแรงขึ้นกว่าเดิมอีกด้วยนะ
2. การทานอาหารรสจัด และอาหารที่มีกลิ่นรุนแรง
คนที่มีกลิ่นตัวแรง เหงื่อออกมาก ควรจะพยายามหลีกเลี่ยงอาหารรสจัด ไม่ว่าจะเป็นอาหารเผ็ดจัด เค็มจัด หรือเปรี้ยวจัดก็ตาม ก็จะส่งผลทำให้เหงื่อที่ออกมา มีกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ได้ รวมทั้งอาหารที่ปรุงด้วยเครื่องเทศที่มีกลิ่นแรง เช่น กระเทียม หัวหอม เครื่องแกงกะหรี่ พริกไทย สะตอ ชะอม ฯ ซึ่งอาหารเหล่านี้คุณก็ทราบดีอยู่แล้วว่าจะทำให้มีกลิ่นปากรุนแรงในตอนรับประทาน ซึ่งนั่นก็จะส่งผลทำให้เหงื่อของคุณมีกลิ่นเหม็นแรงขึ้นด้วย
3. เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
สำหรับผู้หญิงที่มีกลิ่นตัวบางคน อาจมีสาเหตุมาจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เนื่องจากว่าจะมีสารชนิดหนึ่งที่ไปกระตุ้นทำให้ต่อมเหงื่อทำงานมากขึ้น เมื่อเหงื่อออกมากขึ้น ก็จะทำให้มีกลิ่นอันไม่พึงประสงค์มากขึ้นไปด้วยนั่นเอง
4. การทานอาหารมันจัด ไขมันสูง
การรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง อาหารที่มีความมัน ในปริมาณที่มากจนเกินไป เป็นสาเหตุอีกอย่างหนึ่งที่จะทำให้มีกลิ่นตัวรุนแรงมากขึ้น เนื่องจากอาหารมันหรืออาหารทอด จะกระตุ้นการทำงานของต่อมเหงื่อบริเวณรักแร้และขาหนีบ ทำให้มีการผลิตเหงื่อออกมามากขึ้น ซึ่งก็จะส่งผลให้มีกลิ่นตัวแรงมากขึ้นด้วย
5. เสื้อผ้าที่สวมใส่มีกลิ่นอับ
บางครั้งสิ่งใกล้ตัวที่เรามองข้ามไป ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เรามีกลิ่นตัวแรงขึ้นได้เช่นเดียวกัน โดยคนที่มีกลิ่นตัวแรงจากสาเหตุเสื้อผ้าที่สวมใส่นั้น ส่วนมากแล้วจะพบกับคนที่อาศัยอยู่ตามคอนโด เนื่องจากว่าราวตากผ้าไม่ค่อยจะโดนแสงแดดเพียงพอ ถึงแม้จะมีความหอมจากน้ำยาปรับผ้านุ่มเข้ามาในช่วงหลังซักก็ตาม แต่เมื่อนำไปสวมใส่เจออากาศร้อนมีเหงื่อออกเพียงไม่นาน ก็จะมีกลิ่นเปรี้ยวติดเสื้อมาเลย
ซึ่งวิธีแก้ไขให้ลองใช้น้ำยาเดทตอลผสมน้ำแช่ก่อนซัก และพยายามตากแดดให้แห้งเพียงพอ ถ้าไม่สามารถหาแสงแดดเพื่อตากผ้าได้จริงๆ อาจจำเป็นต้องใช้เครื่องอบผ้าเข้ามาช่วยในการแก้ปัญหานี้
6. ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย
สาเหตุของกลิ่นตัวแรงบางท่านอาจจะเกิดจากการไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย สังเกตได้ว่าคนที่เริ่มออกกำลังกายในระยะแรก มักจะมีกลิ่นตัวที่แรงขณะออกกำลังกาย คาดว่าเกิดจากการขับของเสียของร่างกายออกมา ทำให้มีกลิ่นตัวขณะออกกำลังกาย แต่หากออกกำลังกายต่อเนื่องอย่างเป็นประจำ 3-6 เดือนขึ้นไปแล้ว จะเห็นได้ชัดว่า กลิ่นเหงื่อจะไม่เหม็นมากแล้ว และกลิ่นตัวในชีวิตประจำวันก็จะลดลงไปด้วย
7. ทานเนื้อแดงมากเกินไป
จะสังเกตได้ว่า ในช่วงที่กินเนื้อ โดยเฉพาะเนื้อสัตว์ใหญ่อย่างเนื้อวัว จะเป็นตัวส่งเสริมทำให้มีกลิ่นตัวที่รุนแรงมากขึ้นเมื่อเทียบกับคนไม่ได้ทานเนื้อแดง บางคนกลิ่นตัวที่แรงจะหายไปเมื่อรับประทานเนื้อสัตว์ลดลง เช่น ในช่วงทานเจ
8. มีน้ำหนักตัวเกินมาตรฐานมากเกินไป
คนที่มีน้ำหนักตัวมากมักจะมีกลิ่นตัวง่ายกว่าคนที่ผอม เพราะร่างกาย จะมีการผลิตเหงื่อออกมามากกว่าคนที่ผอม ดังนั้นหากคุณเป็นคนหนึ่งที่มีน้ำหนักตัวเกินมาตรฐานมาก ควรพยายามควบคุมน้ำหนัก ออกกำลังกายให้มากขึ้น ก็จะส่งผลให้กลิ่นตัวลดลงด้วย
👩⚕️ กลิ่นตัวแรงมากทำไงดี? วิธีป้องกันไม่ให้กลิ่นตัวแรง
เนื่องจากเราได้ทราบสาเหตุด้านบนแล้วว่า สิ่งใดบ้างที่อาจจะเป็นตัวกระตุ้นทำให้กลิ่นตัวแรงขึ้น ดังนั้นจึงควรพยายามหลีกเลี่ยงสิ่งที่จะทำให้ต่อมเหงื่อทำงานมากเกินไป และนอกจากนั้นแล้ว พยายามลดแบคทีเรียที่สะสมตามร่างกาย หมั่นทำความสะอาดบริเวณต่างๆให้อย่างทั่วถึง
🛁 อาบน้ำวันละ 2 ครั้งเป็นอย่างน้อย
ทำความสะอาดร่างกายให้สะอาด เลือกใช้สบู่กำจัดแบคทีเรียที่ถูกกับตัวเอง บางคนอาจจะถูกกับผลิตภัณฑ์บางยี่ห้อ ก็ต้องพยายามเลือกหรือทดลองกันสักหน่อย ว่าร่างกายเราถูกกับผลิตภัณฑ์ยี่ห้อไหน เมื่อเจอแล้วก็จะทำให้ปัญหาเรื่องกลิ่นตัวลดลงได้ในระยะยาวเลยล่ะ
🧼 เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดรักแร้ และกำจัดขนรักแร้
สำหรับคนที่มีกลิ่นตัวแรง บริเวณที่ส่งกลิ่นรุนแรงมากที่สุดก็คือบริเวณรักแร้ ถ้าเป็นไปได้ไม่ควรจะไว้ขนรักแร้ อาจจะใช้วิธีการแว๊ก หรือใช้ครีมกำจัดขน ซึ่งขนรักแร้จะทำให้เกิดการอับชื้นได้ง่าย รวมถึงเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดรักแร้ ที่ช่วยกำจัดแบคทีเรีย บางคนอาจจะถูกกับสารส้ม บางคนอาจจะถูกกับโรลออนบางชนิด หรือผงแป้งบางยี่ห้อ ตรงนี้ก็ต้องพยายามทดลองกันเช่นเคยค่ะ
👚ทำความสะอาดเสื้อผ้า และเลือกสวมใส่เสื้อผ้าที่ระบายอากาศดี
เสื้อผ้าที่ซักแล้วตากแดดไม่แห้งดีพอ เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดกลิ่นเปรี้ยวได้ง่าย สังเกตุว่าถ้าตัวไหนใส่แล้วมีกลิ่น ก็จะมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ติดไปตลอด ควรจะต้มน้ำร้อน ตากแดดจัด จึงนำกลับมาใช้สวมใส่อีกครั้ง รวมทั้งควรเลือกสวมใส่เสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี เช่นผ้าฝ้าย ผ้าลินิน ฯ
🧴 สครับผิวระหว่างอาบน้ำ
การสครับผิวจะเป็นการช่วยกำจัดขี้ไคล และขัดเซลล์ผิวที่ตายออกไป ช่วยกำจัดแบคทีเรียบางส่วนออกไปจากผิวหนัง ซึ่งเมื่อแบคทีเรียน้อยลง ก็จะทำให้มีกลิ่นตัวน้อยลงด้วย ควรจะสครับผิวระหว่างอาบน้ำประมาณสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง
👨⚕️ Miradry
นวัตกรรมใหม่ในการกำจัดต่อมเหงื่อที่รักแร้ สำหรับคนที่พยายามแก้ไขปัญหากลิ่นตัวทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นสารส้ม เต่าเหยียบโลก โคโลน โรลออน เปลี่ยนแปลงตัวเองทุกอย่างแล้วกลิ่นตัวก็ยังไม่หมดไป ในปัจจุบันจะมีวิธีการแก้ปัญหาอย่างถาวร คือการกำจัดต่อมเหงื่อบริเวณรักแร้ออกไปด้วยคลื่นไมโครเวฟ ต้องบอกว่าราคาค่อนข้างสูงพอสมควร ตามข้อมูล พบว่าบางคนอาจจะต้องทำถึง 2 ครั้ง แต่ถ้ามีอาการไม่รุนแรงมาก ส่วนมากแล้วเพียงแค่ครั้งเดียวกลิ่นก็จะหายไปถึง 90 เปอร์เซ็นต์เลยล่ะ
ปัญหากลิ่นตัวแรง เหงื่อเยอะ นอกจากจะมาจากเรื่องของกรรมพันธุ์ และสาเหตุตามที่กล่าวไปข้างต้นแล้ว การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ก็พบว่าช่วยลดกลิ่นตัวลงไปได้ ถ้าใครกำลังมีปัญหากลิ่นตัวแรง ก็อย่าลืมนำวิธีแก้ไขที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ ลองไปปฏิบัติกันดูนะคะ กลิ่นตัวจะลดน้อยลงอย่างแน่นอน