หม้อหุงข้าวดิจิตอลยี่ห้อไหนดี? หุงแล้วอร่อยกว่าเดิมจริงไหม?
ข้าวนุ่ม แต่ไม่แฉะ!! คงจะไม่มีคำจำกัดความใด ที่จะอธิบายความสามารถของ “หม้อหุงข้าวดิจิตอล” ได้ดีไปกว่านี้ หม้อหุงข้าวดิจิตอล เริ่มเป็นที่นิยมในประเทศไทย ได้ประมาณ 3-5 ปี เนื่องจากมีราคาถูกลงมาก โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับค่าครองชีพที่สูงขึ้นทุกวัน การลงทุนซื้อหม้อหุงข้าวดิจิตอลดีๆสัก 1 เครื่องมาใช้งานที่บ้าน เพื่อให้ได้รับประทานข้าวอย่างเอร็ดอร่อย ก็ดูจะมีความคุ้มค่าเป็นอย่างมาก สำหรับคนที่กำลังมองหาหม้อหุงข้าวดิจิตอล แต่ยังคิดไม่ออกว่าจะซื้อหม้อหุงข้าวดิจิตอลยี่ห้ออะไรดี หรือยังไม่รู้ว่าหม้อหุงข้าวดิจิตอลจะตอบโจทย์การใช้งานของคุณจริงหรือไม่ ซื้อมาแล้วจะคุ้มค่าไหม? ลองไปดูกันได้เลยค่ะ
หม้อหุงข้าวดิจิตอลแตกต่างจากหม้อหุงข้าวแบบธรรมดาอย่างไร?
หม้อหุงข้าวไฟฟ้าแบบธรรมดาทั่วไปที่เราใช้กันอยู่ตามบ้าน ปกติแล้วภายในจะมีเครื่องวัดอุณหภูมิ เมื่อน้ำเดือด อุณหภูมิไปถึงจุดที่ตั้งไว้ ก็จะมีการตัดการทำงานเข้าสู่โหมด Warm เป็นการอุ่นข้าว แบบที่เราทราบกันดี
ในส่วนของหม้อหุงข้าวดิจิตอล หรือบางครั้งที่เรียกกันว่า หม้อหุงข้าวคอมพิวเตอร์ จะมีคำสั่งแผงวงจรที่เพิ่มขึ้นมา เพื่อกำหนดให้หม้อทำงานตามวัตถุดิบหรือโปรแกรมที่ตั้งไว้ สามารถหุงข้าวได้หลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นข้าวขาว ข้าวกล้อง โจ้ก ข้าวต้ม รวมถึงพวกเค้ก และเมนูตุ๋น
ด้วยการออกแบบตัวหม้อที่มีความหนา การการควบคุมอุณหภูมิที่ดี รวมถึงความสามารถที่หุงข้าวในระบบปิดมากกว่า ทำให้มีการอัดของไอน้ำในระดับหนึ่ง จึงทำให้ข้าวที่หุงด้วยหม้อหุงข้าวดิจิตอล มีความระอุ ข้าวออกมานุ่ม ไม่แฉะ ทานอร่อยมากกว่านั่นเอง
หม้อหุงข้าวดิจิตอล ยี่ห้อไหนดี รุ่นไหนน่าสนใจบ้าง
ในปี 2023 นี้ ถ้าเปรียบเทียบกับค่าครองชีพ ค่าอาหารนอกบ้านแต่ละมื้อแล้ว หม้อหุงข้าวดิจิตอล ก็ถือว่าเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่ได้มีราคาสูงเท่าไรเลย ในราคาช่วงประมาณ 1,500-3,000 บาท จะมีหม้อหุงข้าวดิจิตอลยี่ห้อไหน รุ่นไหนบ้าง ที่น่าใช้งาน หุงข้าวอร่อย และมีคุณภาพดีบ้าง ลองไปดูกันดีกว่าค่ะ
1. หม้อหุงข้าวดิจิตอล Toshiba RC10NMF และ RC18NMF
หม้อหุงข้าวดิจิตอล Toshiba RC10NMF / RC18NMF
ราคาล่าสุด
จากความคิดส่วนตัว ที่เคยใช้มาทั้ง Toshiba Phillips Sharp Tefal อันดับที่ 1 ที่ใช้แล้วชอบมากที่สุด ก็ขอยกให้ Toshiba RC10NMF โดยรุ่นนี้จะมีทั้งแบบ 1 ลิตร และ 1.8 ลิตร คุณสมบัติเหมือนกัน และราคาก็ต่างกันแค่ประมาณ 200-300 บาทเท่านั้น
จุดเด่นของหม้อหุงข้าวดิจิตอล Toshiba รุ่น RC10NMF
- ตัวหม้อมีความหนามาก หุงข้าวได้อร่อยทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นข้าวขาว ข้าวกล้อง ข้าวไรซ์เบอรี่ ข้าวเหนียว ข้าวต้ม ซึ่งคาดว่า ความหนาของหม้อ มีผลทำให้ข้าวนุ่มสวยมากขึ้น รวมทั้งหลังหุงข้าวแล้ว ไอน้ำจะไม่ลงมาใส่หม้อข้าว ทำให้ข้าวแฉะเลยแม้แต่น้อย ข้าวทุกเม็ดสุกเท่ากันหมด กินได้ถึงก้นหม้อ ไม่มีเหลืองแห้งติดหม้อเมื่อปล่อยทิ้งไว้เลยแม้แต่น้อย
- หม้อด้านในมีการเคลือบด้วย HEALTHY FLON การทำความสะอาดง่าย ข้าวไม่ติดก้นหม้อ การทำความสะอาดทำได้ง่าย ฝาด้านใน ก็สามารถถอดออกมาล้างได้แบบง่าย ๆ
- การตั้งเวลาหุงล่วงหน้า ทำได้ 14 ชั่วโมง สามารถตั้งหุงตอนกลางคืน แล้วตื่นมารับประทานได้สบาย ๆ
- มีโปรแกรมหุงด่วน ซึ่งจากการใช้งาน ถ้าเป็นข้าวขาวธรรมดา หุงด่วนกับหุงธรรมดา แทบจะไม่ต่างกัน ข้าวยังนุ่มสวยเหมือนเดิม โดยจะใช้เวลาเร็วขึ้นจากเดิม 15 นาที
- ใช้ทำอาหารพวกที่เป็นข้าวอบทั้งหลาย เช่น ข้าวอบเผือก ข้าวมันไก่ ข้าวอบถั่ว/ธัญพืชต่าง ๆ ได้อร่อย ไม่แฉะ
ข้อเสียเล็กน้อย
- สำหรับคนที่ชอบทำเมนูตุ๋น ถ้าเน้นว่า ซื้อหม้อหุงข้าวดิจิตอลและจะนำมาใช้ตุ๋นอาหารบ่อย ๆ Toshiba RC10NMF อาจจะไม่เหมาะกับคุณเท่าไร เพราะว่าสามารถตั้งแต่เวลาตุ๋นได้เพียงแค่ 1 ชั่วโมงเท่านั้น
ใครกำลังซื้อหม้อหุงข้าวดิจิตอลเป็นใบแรก Toshiba RC10NMF และ RC18NMF ถือว่าเป็นรุ่นที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก เรียกได้ว่า รับรองไม่ผิดหวังอย่างแน่นอนค่ะ!!
แต่ต้องระวังนิดนึงนะ เวลาที่ไปซื้อตามห้าง อาจจะต้องดูรุ่นให้ดีนิดหนึ่ง เพราะ หม้อหุงข้าวดิจิตอลของ Toshiba จะมีรุ่นที่ชื่อใกล้เคียงกัน แต่เป็นรุ่นที่ตัวหม้อบางกว่า สู้รุ่นนี้ไม่ได้ และราคาก็ต่างกันแค่นิดเดียวอีกด้วย
2. SHARP หม้อหุงข้าว รุ่น KS-COM10 และรุ่น KS-COM18
หม้อหุงข้าวดิจิตอล Sharp KS-COM10 / KS-COM18
ราคาล่าสุด
สำหรับหม้อหุงข้าวดิจิตอล หรือหม้อหุงข้าวคอมพิวเตอร์ของ Sharp รุ่น KS-COM10 (10 ลิตร) และรุ่น KS-COM18 (18 ลิตร) ก็เป็นอีกรุ่นหนึ่ง ที่ถือได้ว่ายอดนิยม และขายดี่เป็นลำดับต้น ๆ เช่นเดียวกับ Toshiba ด้านบน และมีสมาชิกจากเว็บไซต์ Pantip.com ใช้กันอยู่พอสมควร
โดยราคาจะมีถูกกว่าหม้อหุงข้าวดิจิตอล Toshiba อยู่ประมาณ 2-500 บาท ตามช่วงโปรโมชั่น ความสามารถในการหุงข้าว สามารถทำได้ดีไม่แพ้กัน การอุ่นข้าวก็มีประสิทธิภาพใกล้กันมาก ถึงแม้จะอุ่นถึง 2-3 วัน ข้าวก็ยังไม่ติดก้นหม้อ ยังมีความนุ่มและความอร่อย
จุดเด่น
- การออกแบบตัวหม้อ ในเรื่องของความหนาอาจจะสู้ Toshiba ไม่ได้ แต่เรื่องการออกแบบ ถือว่าทำได้ดีเป็นพิเศษ โดยมีการออกแบบให้ตัวหม้อด้านล่างโค้งรับกับด้านใน ช่วยให้การกระจายความร้อนทำได้อย่างทั่วถึง ข้าวที่หุงจากหม้อหุงข้าวคอมพิวเตอร์ sharp จะมีความสุกสวย นุ่ม ทุกเม็ด สามารถหุงได้ทั้งข้าวกล้อง ข้าวขาว ข้าวไรซ์เบอรี่
- สำหรับคนที่ชอบรับประทานข้าวเหนียว หม้อหุงข้าว Sharp ทั้ง 2 รุ่นนี้ อาจจะต้องหาจังหวะรู้ใจกันนิดนึง เพราะการหุงข้าวเหนียว ยังทำได้ดีสู้ของฝั่ง Toshiba ไม่ได้ ต้องหาปริมาณน้ำที่เหมาะสม หุงบ่อย ๆ ถึงจะจับจังหวะได้ แต่ทั้งนี้ ตัวที่ใช้จะซื้อมาหลายปีแล้ว ไม่แน่ใจว่าในรุ่นปี 2023 อาจจะมีการแก้ไขเรื่องนี้ไปแล้ว
- การทำความสะอาด ก็ถือว่าทำได้ง่าย ฝาหม้อด้านในสามารถถอดออก เพื่อทำความสะอาดได้ และยังมีแผ่นทำความร้อน และแผ่นเก็บความร้อน ป้องกันไอน้ำหยดลงไปในข้าว ข้าวที่หุงจึงไม่แฉะน้ำ และบูดง่าย
- การตั้งเวลาหุงข้าวหรือปรุงอาหารล่วงหน้า สามารถตั้งเวลาหุงล่วงหน้าได้ถึง 24 ชั่วโมง โดยโปรแกรมที่มีมาให้ใช้งานก็มีมาอย่างครบครัน ทั้งหุงข้าวกล้อง (Mix Rice) ข้าวขาว/ข้าวสวย ข้าวต้มหรือโจ๊ก ข้าวเหนียว เมนูตุ๋น อบเค้ก อบขนมปัง
- จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของ หม้อหุงข้าวอุ่นทิพย์ คอมพิวเตอร์ไรซ์ Sharp รุ่น KS-COM10 และรุ่น KS-COM18 ก็คือในเรื่องของการทำเมนูตุ๋นนั่นเอง เพราะจะสามารถตั้งเวลาในการตุ๋นอาหารได้สูงสุดถึง 8 ชั่วโมง ไม่ว่าจะเป็น หมูตุ๋น ซี่โครงตุ๋น บะกุ๊ดเต๋ ฯ ก็สามารถทำได้อย่างสบาย (ของ Toshiba RC10NMF สูงสุดจะตั้งเวลาได้ 1 ชั่วโมงเท่านั้น)
3. หม้อหุงข้าวดิจิตอล Philips Rice Cooker HD3030 (1.0 ลิตร)
หม้อหุงข้าวดิจิตอล Philips Rice Cooker HD3030
ราคาล่าสุด
หม้อหุงข้าวดิจิตอลราคาถูกอีก 1 ยี่ห้อ ที่มักจะมีโปรโมชั่นจัดลดราคากันอยู่บ่อยครั้ง โดยประสิทธิภาพในการหุงข้าว สามารถทำได้ดีในระดับที่น่าพอใจ ข้าวหุงนุ่ม สามารถหุงข้าวกล้อง ข้าวต้ม มีระบบอุ่นข้าวได้ 5 ชั่วโมง ก้นหม้อหนา 1.5 มิลลิเมตร ข้าวไม่ติดก้นหม้อ นอกจากนี้ยังสามารถตั้งเวลาหุงล่วงหน้าได้นานถึง 24 ชั่วโมง
- ข้อดีของหม้อหุงข้าวดิจิตอลของ Philips HD3030 ก็คือในเรื่องของราคา เวลาจัดโปรโมชั่น จะมีราคาอยู่ที่ประมาณ 990-1100 บาทเท่านั้น สามารถหุงข้าวได้นุ่ม ไม่แฉะ
- ส่วนข้อด้อยของหม้อหุงข้าวดิจิตอลรุ่นนี้ เท่าที่พบเจอจะมีอยู่ 2 ส่วน ก็คือบางครั้งเวลาที่หุงข้าว น้ำจากฝาหม้อจะมีบางส่วนที่หยดลงไปที่ตัวเม็ดข้าว ทำให้ข้าวแฉะในบางส่วน และอีกจุดหนึ่งก็คือ ตัวฝาบน ไม่สามารถถอดออกมาล้างทำความสะอาดได้ ดังนั้นจะต้องพยายามหมั่นดูแลทำความสะอาดตรงบริเวณขอบยางให้ดี เพราะในระยะยาว อาจจะทำให้ข้าวหุงแล้วมีกลิ่นบูดได้
สรุปกันเลย
ถ้างบประมาณไม่ใช่ปัญหา ตัวเลือกที่น่าสนใจที่สุด ขอชี้เป้าไปที่ หม้อหุงข้าวดิจิตอล Toshiba RC10NMF และ RC18NMF ด้วยความหนาของหม้อถึง 4 mm สามารถหุงข้าวได้อร่อยจริง หุงข้าวได้ทุกประเภท ทำข้าวต้มก็เรียกว่าง่ายสุด ๆ แถมยังนุ่มอร่อย ข้าวกล้อง ข้าวไรซ์เบอรี่ สังข์หยด ก็สบาย ๆ การถอดล้างทำความสะอาดก็ทำได้ง่าย ปัญหาจุกจิกกวนใจแทบไม่มี เรียกว่า ซื้อครั้งเดียวจบ ไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน
ชอบทำเมนูตุ๋น ชี้ไปที่ SHARP หม้อหุงข้าว รุ่น KS-COM10 และรุ่น KS-COM18 เนื่องจากสามารถตั้งเวลาตุ๋นได้นานถึง 8 ชั่วโมง ไม่ว่าเมนูอะไรก็เปื่อยนุ่ม ส่วนการหุงข้าว ถือว่าทำได้ใกล้เคียงกันกับฝั่ง Toshiba เป็นอย่างมาก (ส่วนตัว ให้คะแนนข้าวกล้องที่หุงจาก Toshiba ดีกว่าแบบเฉียดฉิว) ราคาหม้อหุงข้าวดิจิตอล Sharp ทั้ง 2 รุ่นนี้ จะถูกกว่า Toshiba อยู่นิดหน่อย
หม้อหุงข้าวดิจิตอลหุงข้าวได้อร่อยกว่าจริงไหม?
ก่อนจะตอบคำถามข้อนี้ได้ คงต้องถามอย่างนึงก่อนว่า “คุณชอบทานข้าวแบบไหน?” ถ้าเป็นคนที่ชอบทานข้าวนิ่ม นุ่ม แต่ไม่แฉะ หม้อหุงข้าวดิจิตอลตอบโจทย์การทานข้าวของคุณได้เป็นอย่างดีแน่นอน แต่ถ้าคุณเป็นคนชอบทานข้าวแข็ง ฝืดคอนิด ๆ กำลังดี เหมือนกับข้าวสวยจากร้านเกาเหลาเลือดหมูแล้วล่ะก็ คุณอาจจะคิดว่ามันไม่ได้แตกต่างจากหม้อหุงข้าวที่บ้านทั่วไปเลย
“หุงข้าวกล้องได้ดีกว่า”
หลายคนที่อยากจะดูแลสุขภาพ หันมารับประทานข้าวกล้อง หรือข้าวไม่ขัดสี แต่ก็ต้องมีวันถอยทัพ เลิกล้มไป ภายในเวลาไม่นาน เพราะข้าวกล้องมักจะมีความแข็ง เคี้ยวเหนื่อย เคี้ยวนาน กินบ่อย ๆ ก็เลยเกิดความเบื่อ โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ที่เรื่องฟันอาจจะไม่ได้ดีเท่าไรแล้ว ส่วนใหญ่ก็จะกินข้าวกล้องกันไม่ค่อยลง แต่เมื่อหุงข้าวกล้องโดยใช้หม้อหุงข้าวดิจิตอลแล้ว บอกได้เลยว่า “มันช่างแตกต่างกันเสียเหลือเกิน” ข้าวกล้องที่หุงออกมา เรียงเม็ดสวย ไม่แฉะ ไม่เหนียว แต่เคี้ยวง่าย นุ่มทุกเม็ด ซึ่งอันนี้หลายคนอาจจะคิดว่ามะโนไปเองไหม แต่โดยส่วนตัว รวมถึงผู้สูงอายุที่บ้านทุกคน เจริญอาหารกันมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ตั้งแต่เปลี่ยนมาใช้หม้อหุงข้าวดิจิตอล
ซึ่งก่อนหน้าที่จะซื้อหม้อหุงข้าวดิจิตอลมาใช้ ก็ได้ลองอ่านรีวิว จากเว็บไซต์ pantip มาพอสมควร เห็นว่า ส่วนใหญ่มักจะบอกว่า หุงข้าวได้อร่อยขึ้น โดยเฉพาะข้าวกล้อง จะแสดงความแตกต่างได้ดีมาก แต่ก็จะมีบางคนที่บอกว่า หุงได้ไม่แตกต่างจากหม้อหุงข้าวไฟฟ้าทั่วไปอย่างไร ซึ่งก็คงสอดคล้องกับที่บอกข้างต้นว่า แล้วแต่คนว่าชอบทานข้าวแบบไหนนั่นเอง “ถ้าชอบข้าวนุ่ม ๆ ยังไงคุณก็ต้องหลงรักมัน”
หม้อหุงข้าวดิจิตอล คุ้มค่ามากแค่ไหนถ้าจะซื้อมาใช้งาน
สำหรับราคาหม้อหุงข้าวดิจิตอล จะมีหลากหลายราคา ตั้งแต่ประมาณ 1600-7000 ขึ้นไป ซึ่งแนะนำว่า เอาแค่รุ่นล่าง ๆ ราคาประมาณ 1700-3000 บาทก็เพียงพอที่จะได้ทานข้าวอย่างเอร็ดอร่อยแล้วล่ะค่ะ
ถ้าสมมติว่าคุณกำลังจะซื้อหม้อหุงข้าวสัก 1 ใบ ราคาหม้อหุงข้าวอุ่นทิพย์ทั่วไป ก็อยู่ประมาณ 900-1200 บาท ก็จะเท่ากับว่า เพิ่มเงินอีกประมาณ 1000 บาท ก็จะได้เป็นหม้อหุงข้าวดิจิตอลมาใช้งานแล้ว ดังนั้นถ้าคุณเป็นคนที่ชอบรับประทานข้าวอร่อย ๆ โดยเฉพาะทำอาหารที่บ้านทานเป็นประจำอยู่แล้ว ก็ถือว่าส่วนต่างประมาณ 1000 บาทนั้น ไม่ได้มากอะไรเลย
จุดเด่นและข้อดีของหม้อหุงข้าวดิจิตอล
หุงข้าวได้อร่อยกว่า โดยเฉพาะข้าวกล้อง
สำหรับคนที่ชอบกินข้าวกล้อง หม้อหุงข้าวดิจิตอล ก็เหมือนจิ๊กซอตัวสุดท้าย ที่คุณไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นข้าวกล้อง ข้าว riceberry ที่ปกติจะค่อนข้างแข็ง วิธีการหุงด้วยหม้อหุงข้าวไฟฟ้าธรรมดา อาจจะต้องมีการแช่น้ำทิ้งไว้ก่อน แต่สำหรับหม้อหุงข้าวดิจิตอล โดยเฉพาะรุ่นที่ตัวหม้อหนา อย่าง TOSHIBA RC10NMF และ RC18NMF คุณไม่จำเป็นต้องแช่ข้าวก่อนเลย เพียงแค่นำข้าวมาซาวน้ำสัก 1-2 รอบตามปกติ จากนั้นก็เพียงกดปุ่ม Mix Rice ประมาณไม่เกิน 1 ชั่วโมง เราก็จะได้ข้าวกล้องที่มีความนุ่มยิ่งกว่าเอาไปแช่น้ำครึ่งค่อนวันเสียด้วยซ้ำ ที่สำคัญ แม้จะปล่อยจนเย็น ก็ยังนุ่มอยู่เหมือนเดิม ซึ่งถือได้ว่าเป็นไอเท็มเด็ดของคนชอบทานข้าวกล้องเลยทีเดียว
ข้าวมีความนุ่มจากภายใน
โดยส่วนตัวแล้ว แต่ก่อนก็ใช้หม้อหุงข้าวแบบธรรมดา หม้อหุงข้าวอุ่นทิพย์ของ SHARP หลังจากที่ได้เปลี่ยนมาใช้หม้อหุงข้าวดิจิตอล แค่ครั้งแรกก็สัมผัสได้เลย (ไม่ใช่อุปทานหมู่นะ) ว่าข้าวที่หุงได้ มีความนุ่มจากภายใน และไม่แฉะ ทั้งที่เป็นข้าวชนิดเดียวกัน แต่สามารถหุงออกมาได้นุ่มมากกว่าหม้อหุงข้าวไฟฟ้าธรรมดามาก
ซึ่งปกติแล้ว ที่บ้านจะหุงข้าวครั้งนึง ทานไปประมาณ 2-3 วัน โดยนำไปแช่ตู้เย็นไว้ (ถ้าไม่ขี้เกียจก็จะแบ่งใส่ถุง ให้พอทานแต่ละมื้อ แต่ถ้าขี้เกียจก็แช่เข้าไปทั้งหม้อเลย) เวลาจะทานก็นำมาพรมน้ำนิดหน่อย จากนั้นเข้าไมโครเวฟสัก 2-3 นาที ซึ่งถ้าเป็นหม้อหุงข้าวแบบเดิม ก็จะมีอาการแห้งแข็งบ้าง แต่พอใช้หม้อหุงข้าวแบบดิจิตอล ข้าวที่นำกลับมาเวฟซ้ำ ยังให้ความนุ่มได้ดีเหมือนเดิม ไม่แห้งแข็ง กินอร่อยมาก เรียกว่าเป็นขวัญใจคนในบ้าน จนมีการแนะนำบอกต่อญาติ ๆ กันไปหลายคน ^^
สามารถตั้งเวลาในการหุงข้าวได้
โปรแกรมนี้เหมาะสำหรับคนที่ชอบทานข้าวร้อน ๆ หุงเสร็จใหม่ ๆ อยู่เสมอ เราสามารถตั้งเวลาการหุงข้าวได้ถึง 12-24 ชั่วโมง (แล้วแต่รุ่นของหม้อหุงข้าว) โดยเราเพียงแค่ซาวข้าวให้เรียบร้อย และกดปุ่มตั้งเวลาหุงไว้ตั้งแต่ตอนกลางคืน เมื่อถึงเวลาที่ตั้งไว้ หม้อหุงข้าวก็จะทำการหุงข้าวให้โดยอัตโนมัติ พอตื่นปุ๊บ ก็เตรียมกับข้าวรับประทานกันได้เลย ถือว่าทำให้ใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้นมาก โดยเฉพาะเวลาที่ต้องเร่งรีบในช่วงเช้า ไม่ต้องมารอข้าวสุกให้เสียเวลากันเลยค่ะ
หุงข้าวเหนียวได้อร่อยเว่อร์
ฟังก์ชั่นการหุงข้าวเหนียว นี่ก็ถือว่าเป็นไม้ตายเด็ดอีกอย่างหนึ่งของหม้อหุงข้าวดิจิตอลเลยก็ว่าได้ เพราะว่าสามารถหุงออกมาได้ผิดคาดอย่างไม่น่าเชื่อ ปกติแล้วการหุงข้าวเหนียว จะต้องมีความอดทนกันนิดหนึ่ง ทั้งการแช่ข้าว การนึ่งด้วยหวด เรียกได้ว่า ถ้าไม่ได้กินข้าวเหนียวกันเป็นประจำแล้ว คงไม่มีใครที่คิดอยากจะหุงข้าวเหนียวเล่นกันแน่ ๆ
แต่หลังจากที่ใช้หม้อหุงข้าวดิจิตอลแล้ว บอกเลยว่า จะลาบ น้ำตก ส้มตำ หรือจะพวกหมูแดดเดียว หมูฝอย ฯ ก็สบาย เพราะมันสามารถหุงข้าวเหนียวออกมาได้แทบจะไม่แตกต่างจากการนึ่งด้วยหวดเลยด้วยซ้ำ (พูดกันตามตรงว่า หอมนุ่มอร่อย กว่าร้านลาบหลายๆร้านเสียอีก) แถมยังไม่ต้องแช่ข้าวให้วุ่นวาย เพียงแค่ซาวน้ำ ใส่น้ำตามปริมาณที่กำหนดไว้ตรงข้างหม้อ กดหุง ก็เป็นอันเรียบร้อย รอประมาณ 1 ชั่วโมง ก็จะได้ข้าวเหนียวแสนอร่อยมารับประทานกันแล้ว ที่สำคัญ ขนาดทิ้งไว้หลายชั่วโมง ก็ยังนุ่มอร่อยเหมือนเดิม
ข้อเสียของหม้อหุงข้าวดิจิตอล
ถึงแม้ว่าหม้อหุงข้าวดิจิตอลจะหุงข้าวออกมาอร่อยมากกว่าก็หุงข้าวไฟฟ้าทั่วไป สามารถทำเมนูได้หลากหลาย สามารถหุงข้าวได้หลายประเภท แต่ก็มีจุดด้อยกว่าหม้อหุงข้าวไฟฟ้าทั่วไปเช่นกัน
ใช้เวลาหุงข้าวนานกว่า
สำหรับหม้อหุงข้าวไฟฟ้าทั่วไป หลังจากใส่ข้าวและน้ำลงไปแล้ว เมื่อกดปุ่มหุง ก็จะใช้เวลาประมาณ 25 นาที ข้าวก็จะสุกพร้อมรับประทานได้เลย แต่สำหรับหม้อหุงข้าวดิจิตอล เวลาขั้นต่ำที่ใช้คือ 45 นาที โดยเฉพาะข้าวกล้อง จะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งบางคนก็อาจจะไม่ชอบในส่วนนี้เช่นกัน
การทำความสะอาดมีหลายชิ้นส่วน
หม้อหุงข้าวดิจิตอลบางรุ่น โดยเฉพาะรุ่นแพง ๆ อาจจะมีชิ้นส่วนที่ต้องทำการถอดล้างหลายชิ้น ซึ่งก็จะทำให้เสียเวลามากขึ้น แต่ถ้าเป็นรุ่นราคา 1700-3000 บาท ชิ้นส่วนในการถอดล้างก็พอ ๆ กับหม้อหุงข้าวไฟฟ้าทั่วไป ไม่ได้แตกต่างกัน
ค่าไฟ
แน่นอนว่า ระยะเวลาในการหุงข้าวที่นานกว่าเกือบเท่าตัว ค่าไฟก็จะต้องสูงมากขึ้นกว่าเดิมด้วย รวมทั้งการตั้งอุ่นไว้ตลอดทั้งวัน หรือข้ามคืน ก็จะทำให้มีค่าไฟที่สูงขึ้นกว่าหม้อหุงข้าวไฟฟ้าธรรมดาเล็กน้อย
เคล็ดลับเล็กน้อย โดยส่วนตัวจะใช้วิธีการหุงข้าวในระดับที่กินได้ 2-3 วัน เมื่อหุงเสร็จจะแบ่งใส่ถุง ปริมาณเพียงพอในแต่ละมื้อ แล้วแช่เย็นไว้ พอจะกินก็ใส่เข้าไมโครเวฟ หรืออาจจะพรมน้ำลงไปนิดนึง ถ้ากลัวข้าวจะแข็ง ซึ่งข้าวที่ออกมาก็จะหอมสวย น่ารับประทานเหมือนกับเพิ่งหุงเสร็จใหม่ ๆ เช่นเดิม
หม้อหุงข้าวดิจิตอล เป็นเหมือนกับรางวัลชีวิตอย่างหนึ่ง ที่จะทำให้เราสามารถทานข้าวพร้อมกับครอบครัวได้อย่างเอร็ดอร่อยทุกมื้อ สามารถหุงข้าวกล้องซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกายได้ออกมานุ่มอร่อย เวลาเจ็บป่วยก็สามารถหุงข้าวต้มเองได้โดยง่าย แถมยังมีฟังก์ชั่นต้มตุ๋น ทำขนมปัง ทำเค้ก มาเอาไว้ให้ทำเมนูง่าย ๆ ได้หลากหลายอีก สำหรับหม้อหุงข้าวดิจิตอลในปัจจุบันนี้ ก็มีราคาถูกลงมากว่าเดิมมาก ใครที่กำลังชั่งใจอยู่ว่า หม้อหุงข้าวดิจิตอลจะคุ้มหรือไม่ บอกคำเดียวว่า “ห้ามพลาดจ้า”
